ทนายสู้คดี

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายทุกคดี โทร: 096-3296142

ทนายสู้คดี

เอารถที่ "เช่าซื้อ" ไปขาย ระวัง ติดคุก !

      จากสัญญาเช่าซื้อกลายเป็นเข้าคุก

       หลักกฎหมาย การเช่าซื้อรถ นั้น กรรมสิทธิ์ของรถจะโอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อ ก็ต่อเมื่อผ่อนชำระครบถ้วน ระหว่างนั้นผู้เช่าซื้อเป็นเพียงผู้ครอบครองเท่านั้น แต่หากในระหว่างเช่าซื้อเอารถไปขาย จากเรื่องทางแพ่งก็อาจเป็นคดีอาญาถูกฟ้องความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” ได้ ซึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลฎีกาเคยวางหลักในเรื่องนี้ไว้ หลายครั้ง

 

        คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11294/2553

        หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อจำเลยชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้เสียหายเพียง 2 งวดแล้วไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีกเลย และจำเลยนำรถที่เช่าซื้อไปตีใช้หนี้ให้แก่ผู้อื่นโดยจำเลยทราบอยู่แล้วว่ารถที่เช่าซื้อยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหาย เมื่อ จ. ไปติดตามยึดรถที่เช่าซื้อแต่จำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่อยู่ในครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกจำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จำนวน 856,900 บาท แก่ผู้เสียหาย

        คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7727/2544

        จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากบริษัท อ. โดยชำระเงินในวันทำสัญญาบางส่วน ที่เหลือผ่อนชำระเดือนละงวดรวม 36 งวดมีชาวบ้านที่จำเลยจ้างมาเป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อและรับรถไปแล้วจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อและไม่ติดต่อกับผู้เสียหายอีกเลย บริษัท อ. จึงบอกเลิกสัญญา แต่จำเลยไม่ส่งมอบรถคืนเมื่อสอบถามจำเลย จำเลยแจ้งว่าขายไปแล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าขายให้แก่ผู้ใด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อและชำระเงินล่วงหน้าก็เพื่อให้ได้รถยนต์ไปไว้ในครอบครอง มิได้มีเจตนาจะชำระราคาอีก พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของบริษัท อ. ที่อยู่ในครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานยักยอก หาใช่เป็นเพียงการกระทำผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนรถยนต์หรือใช้ราคารถยนต์ 2,238,009.25 บาท แก่ผู้เสียหาย 

 

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6540/2548

          จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไป แม้จำเลยจะมีสิทธิใช้สอยและครอบครองรถจักรยานยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อ แต่รถจักรยานยนต์ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมประสงค์จะตรวจดู จำเลยจำต้องยอมให้ผู้เช่าซื้อตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้เป็นครั้งคราวในเวลาและระยะอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 555 การที่จำเลยไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์มาให้โจทก์ร่วมตรวจดูได้ แม้จำเลยได้แสดงเจตนาที่จะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ร่วม แต่จำเลยกับพวกนำรถไปขายที่ต่างประเทศแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นโดยสุจริต เป็นความผิดฐานยักยอกจำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนรถจักรยานยนต์หรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 70,600 บาท

 ฉะนั้น อย่าจงอย่าแก้ปัญหาด้วยปัญหาที่ใหญ่กว่า

ติดต่อทนาย

โทร. 0984532263