หลักกฎหมายกฎหมาย
ที่ดินของเราสามารถการอุทิศให้เป็นทางสาธารณะไดโดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือทำหนังสือ ซึ่งสมบูรณ์ตามกฎหมาย และอาจเป็นการอุทิศโดยปริยายได้ด้วย หากประชาชนหรือชาวบ้าน ใช้ทางติดต่อมาเป็นระยะเวลานานโดยเจ้าของที่ไม่หวงกันมาตั้งแต่แรก หรือมีพฤติการณ์อื่น ๆ ประกอบ มาดูตัวอย่าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2540
ประชาชนใช้ถนนพิพาทเป็นทางเข้าออกถนนใหญ่เป็นเวลากว่า 10 ปี แล้วไม่มีผู้ใดห้ามปรามถือว่าเจ้าของได้ยกที่ดินที่ถนนพิพาทตัดผ่านให้เป็นทางสาธารณะอันเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ไม่จำต้องมีการจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2544
เดิมทางพิพาทรวมอยู่ในที่ดินแปลงใหญ่ของ ก. แล้ว ก. แบ่งให้บุตรแยกครอบครองเป็นส่วนสัด บุคคลทั่วไปได้ใช้ทางพิพาทเดินออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยไม่มีการหวงห้ามทางดังกล่าวจึงเป็นทางสาธารณะโดยปริยาย อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) โดยไม่จำต้องมีการจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาฎีกาที่ 2052/2559
แม้ทางพิพาทจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของจำเลยก็ตาม แต่การที่เจ้าของที่ดินคนก่อนและจำเลยยินยอมให้ชาวชุมชนริมคลองใช้ทางพิพาทเป็นเส้นทางออกสู่ทางสาธารณะติดต่อกันมาเป็นเวลานานประมาณ 30 ปี เเล้ว โดยชาวชุมชนดังกล่าวได้ร่วมกันทำสะพานไม้สำหรับเป็นทาง หลังจากนั้นได้ปรับปรุงเส้นทางพิพาทเป็นถนนคอนกรีต ครั้นจำเลยมาปลูกสร้างบ้านในที่ดินของจำเลยและล้อมรั้วบ้านก็ยังเว้นทางพิพาทไว้นอกรั้วบ้าน กรณีย่อมมิใช่เป็นเรื่องที่ชาวชุมชนนั้นประสงค์จะใช้ทางพิพาทโดยวิสาสะในฐานะคนที่อยู่ร่วมกันในชุมชน แต่พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าของที่ดินแต่เดิมได้ยกที่ดินส่วนที่เป็นทางพิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๔ แล้วโดยปริยาย โดยหาจำต้องมีการแสดงเจตนาอุทิศให้หรือจดทะเบียนยกให้เป็นทางสธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิปิดกั้นทางพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2539
ที่ดินของโจทก์มีทางเดินซึ่งชาวบ้านใช้สัญจรไปมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ใช้ไม้ขอนทอดเดินเปลี่ยนเป็นสะพานไม้และทำเป็นสะพานคอนกรีตโดยเจ้าของที่ดินเดิมมิได้หวงห้ามสงวนสิทธิมิใช่กรณีที่ชาวบ้านใช้ทางเดินโดย ถือวิสาสะ เนื่องจากมีการใช้ขอนไม้ทอดและทำเป็นสะพานไม้แสดงว่าเจ้าของที่ดินเดิมได้อุทิศให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปแล้วย่อมเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304 (2) โจทก์ฟ้องว่าที่ดินที่จำเลยใช้สร้างสะพานทางเดินพิพาทเป็นของโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนจำเลยให้การว่าเจ้าของที่ดินเดิมอุทิศให้เป็นทางสาธารณะประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินที่สร้างสะพานดังกล่าวกว้าง 1.5 เมตร ยาว 37.4 เมตรเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับทรัพย์พิพาทเดียวกันกับฟ้องเดิมส่วนฟ้องแย้งในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองด้านของที่ดินที่ใช้สร้างทางเดินพิพาทในฟ้องเดิมเป็นที่ดินติดเป็นผืนเดียวกันกับทางเดินพิพาทเท่ากับจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทกว้างยาวกว่าที่โจทก์ระบุมาในฟ้องเดิมเป็นการตั้งสิทธิว่าถูกโจทก์โต้แย้งสิทธิตามฟ้องเดิมโดยโจทก์อ้างว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งในส่วนนี้ก็เป็นของโจทก์ฟ้องแย้งในส่วนนี้มีส่วนสัมพันธ์กับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสามและมาตรา179วรรคท้าย การจดทะเบียนเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นอำนาจ หน้าที่ของ เจ้าพนักงาน ไม่ปรากฏว่าบริษัทโจทก์มีหน้าที่ในทางนิติกรรมที่จะต้องดำเนินการศาลจึงไม่อาจบังคับโจทก์จดทะเบียนให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7461/2553
โดยพยานทั้งสองเบิกความยืนยันว่า ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายเป็นต้นมาชาวบ้านบริเวณดังกล่าวใช้ลำกระโดงพิพาทเป็นทางสัญจรและใช้ขนผลิตผลทางการเกษตรโดยทางเรือออกสู่ภายนอก พยานเห็นว่าลำกระโดงพิพาทมีมาตั้งแต่เกิดและได้ใช้ลำกระโดงดังกล่าวเป็นทางสัญจรเช่นเดียวกับชาวบ้านในละแวกนั้นโดยไม่เคยมีบุคคลใดหวงห้าม เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายแล้วเห็นได้ว่าลำกระโดงสายนี้ยังมีสภาพที่ประชาชนสามารถใช้เรือสัญจรไปมาออกสู่คลอกชักพระได้โดยสะดวก จากพยานหลักฐานดังกล่าวฟังได้ว่าประชาชนในละแวกนั้นได้ใช้ลำกระโดงสายนี้เป็นเส้นทางสัญจรไปมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว หากจะฟังว่าลำกระโดงสายนี้เกิดจากการขุดสร้างขึ้นเองของชาวบ้านทั้งสองฝั่งในที่ดินของตนเพื่อประโยชน์ในการใช้น้ำและการสัญจรไปมาก็ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินแต่เดิมได้ยกที่ดินส่วนที่เป็นลำกระโดงพิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304 แล้วโดยปริยาย หากจำต้องการแสดงเจตนาอุทิศให้หรือจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดไม่ เมื่อฟังว่าลำกระโดงพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันมาเป็นเวลาเนิ่นนานก่อนที่โจทก์ทั้งสองจะรับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 120 และ 121 จากเจ้าของเดิม แม้ลำกระโดงพิพาทจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ทั้งสอง และโจทก์ทั้งสองได้กลับเข้าหวงกันหรือประชาชนใช้ประโยชน์จากลำกระโดงพิพาทน้อยลงจากเดิม ก็ไม่ทำให้ลำกระโดงพิพาทหมดสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินที่ได้กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าวอีก โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาลำกระโดงพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองได้
หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย THE BEST LAWYER
โทร.0984532263